แมลงสายย่อย (อาหาร) ตัวช่วยกู้วิกฤติขยะให้มนุษย์
- admin
- น้องดิน


แต่หลายคนไม่รู้ว่า พวกมันเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่จะเป็นทางเลือกด้านการสร้างความยั่งยืน ‘ในฐานะนักย่อยขยะ’ ตามธรรมชาติโดยเฉพาะเศษอาหารต่างๆ ที่เรากินเหลือในแต่ละวัน พลังจิ๋วเหล่านี้แหละที่จะมาเป็นตัวช่วยกอบกู้วิกฤติให้กับระบบนิเวศน์ของโลกให้สมดุล
.



พระเอกที่จะมาเป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาขยะอินทรีย์ ในปี 1980 ที่ประเทศอังกฤษ ถือได้ว่าเป็นช่วงแรกที่มีการวิจัยโดยสถานีทดลองโรธาม์สได้ค้นพบความสามารถในการย่อยสลายนี้ของเจ้าไส้เดือน จึงนำมาช่วยย่อยสลายมูลสัตว์ต่างๆ ซึ่งได้ผลลัพท์ที่น่าประทับใจ จึงเกิดการขยายพัฒนาระบบการย่อยจากครัวเรือนสู่ในเชิงพาณิชย์
.
-ปัจจัยในการเลี้ยง
ความชื้น 80-90 เปอร์เซ็นต์
อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส
ความเป็นกรด-ด่าง
การระบายอากาศ ความมืด
.
เหมาะกับการย่อยเศษอาหารที่เปื่อยแล้วประเภทพืชผักผลไม้ ผลลัพธ์ที่ได้ ปุ๋ยมูลไส้เดือนทีมีสีดำร่วนเนื้อพรุน ระบายน้ำและอากาศได้ดี
.


ในปี 2018 ทีมวิจัยจากสวิตเซอร์แลนด์ค้นพบว่ากระบวนการย่อยสลายอาหารของ หนอนแมลงวันลาย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการทำปุ๋ยหมักชีวภาพถึง 47 เท่า โดยช่วงอายุระหว่าง 5-15 วัน (ก่อนเป็นดักแด้) เป็นเวลาที่ตัวหนอนแมลงวันเหมาะที่สุดกับการนำมาย่อยอาหาร สามารถกำจัดขยะอินทรีย์ได้สูงถึงร้อยละ 70 เป็นแมลงที่ย่อยได้รวดเร็วทันใจ แต่ควรเลี้ยงในระบบปิดเพื่อไม่ให้บินหนีและป้องกันสัตว์ เช่น หนู นกมารบกวน ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามมา
.
หนอนแมลงวันลายสามารถย่อยอาหารได้หลากหลายทั้งเปลือกผลไม้ เศษผัก เศษอาหารทะเล รวมทั้งมูลคนและสัตว์ รวมทั้งอาหารรสเผ็ดและเปรี้ยวได้ดี มีวงจรชีวิตสั้น ไม่เป็นพาหะนำโรคและศัตรูพืช เป็นหนอนที่มีโปรตีนสูงเมื่อหมดวงจรในการย่อยสลายสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ต่อได้
.
ปัจจัยในการเลี้ยง
-ต้องคำนึงถึงวงจรชีวิต 4 ระยะ ได้แก่ ระยะไข่ ระยะตัวหนอน ระยะดักแด้ และระยะแมลง
.
ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นปุ๋ยขี้หนอนหรือสารปรุงดินและอาหารสัตว์
.


เป็นแมลงที่ไม่ได้รับความนิยมในการนำมาย่อยสลายอาหารมากนัก แต่มีเคสตัวอย่างในประเทศจีนที่ศูนย์กำจัดขยะเขตจางชิว ในเมืองจี่หนาน มณฑลซานตง เกิดไอเดียนำแมลงสาบสายพันธ์อเมริกันกว่า 300 ล้านตัว ช่วยกำจัดขยะอินทรีย์ได้ถึงวันละ 15 ตัน แต่ต้องทำการบดย่อยขยะจนมีลักษณะเป็นของเหลวเสียก่อน
.
ปัจจัยในการเลี้ยง
-เลี้ยงในระบบปิดมิดชิดมีตาข่ายทุกจุด
-ติดตั้งม่านน้ำ 360 องศา
-เติบโตที่มืดและมีความชื้นสูง
-ควรมีบ่อน้ำด้านล่างสำหรับกรณีแมลงหลุดหนี
.


วิศวกรด้านสิ่งแวดล้อมชาวโคลอมเบีย เกอแมง เวียซัส ตีบาโมโซ่ ได้ทำการทดลองนำตัวอ่อนของด้วงสีเหลืองดำ มาย่อยเศษอาหาร ค้นพบว่าตัวอ่อนของด้วงชนิดนี้กินเศษอาหารและผลิตจุลินทรีย์ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์เหมาะกับการไปทำปุ๋ยที่มีสารอาหารสูง
.
ซึ่งเมื่อด้วงชนิดนี้โตเต็มวัยจะมีความยาวถึง 17 เซนติเมตรบ้างก็ส่งต่อไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์หรือส่งออกไปต่างประเทศเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น
.


ในช่วงฤดูฝนแบบนี้จะพบน้องทากออกมาคลานเนิบๆ ชิลล์ๆ ตามทางเท้าอยู่บ่อยๆ นอกจากที่คนจะเอาเมือกของหอยทากมาใช้ประโยชน์ด้านความงาม อีกหนึ่งความสามารถที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือนักย่อยสลายสารอินทรีย์ได้หลากหลายชนิด ช่วยทำให้ระบบนิเวศเกิดการหมุนเวียน
.
เหมาะกับการย่อยสลายพืชเน่าเปื่อย ลูกไม้ ใบไม้ รวมทั้งพืชผักในสวน ได้ผลลัพธ์เป็นปุ๋ยตามธรรมชาติให้กับดิน
.
.

.

.
.
—————————————–

ลดขยะและรักษ์โลกได้มากขึ้น จากแบรนด์ RAAKDIN
Line : @Raakdin
Tel : 086-342-2498
LESS WASTE, MORE VALUE
Facebook
Email
Related Posts
Elementor #4147
จากเศษอาหาร…สู่ภาพลักษณ์องค์กรรักษ์โลก RAAKDIN BIO3 นวัตกรรมสำหรับองค์กร จากเศษอาหาร…สู่ภาพลักษณ์องค์กรรักษ์โลก RAAKDIN BIO3 นวัตกรรมสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดการขยะเศษอาหาร ให้กลายเป็น “ทรัพยากร” ไม่ใช่ “ภาระ” ใช้งานง่ายในครัวของออฟฟิศ หรือโรงอาหาร ตอบโจทย์นโยบาย ESG | SDG12 | Zero

[Unbox] จากเพจ AfterTaste RAAKDIN 3L รุ่นใหม่ ถังใหญ่ใส่เศษอาหารได้จุใจกว่าเดิม
#น้องดินขอแชร์ [Unbox] เครื่องกำจัดเศษอาหารเป็นปุ๋ยรุ่นใหม่ | หม้อใหญ่ใส่ได้จุใจกว่าเดิม | RAAKDIN 3L จากเพจ AfterTaste พี่ๆคนไหนกำลังศึกษาเรื่องเครื่องย่อย ถือว่าดูคลิปนี้ แล้วได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แน่นอนครับ…ไปดูกันเลย